แม้ว่าจะขาดกำลังสำคัญเบอร์หนึ่งอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปตั้งแต่ครึ่งเวลาแรกจากอาการบาดเจ็บ แต่ที่สุดแล้วก็สามารถร่วมแรงร่วมใจสู้กันได้อย่างยอดเยี่ยมจนคว้าแชมป์มาครองอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับทางด้านของทีมฝอยทอง โปรตุเกส ของกุนซือ เฟอร์นานโด ซานโตส ซึ่งสามารถพลิกล็อคคว่ำเจ้าภาพ ฝรั่งเศส ได้ในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร 2016 ค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมาได้
ทั้งนี้ก่อนเกมการแข่งขันฝอยทอง โปรตุเกสถือเป็นรองเจ้าภาพพอสมควรไม่ว่าจะด้วยขุมกำลังของทีมที่ดูจะมีเพียง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ดูจะเป็นเพียงความหวังสูงสุดเดียวของทีมได้ หรือด้วยฟอร์มการเล่นในแมทที่ผ่านๆมาในรอบก่อนๆก็ตาม ซึ่งทางเจ้าภาพตราไก่ก็มีสถิติ ผลงาน ฟอร์มการเล่นที่ดีกว่า
และเมื่อเกมเริ่มต้นขึ้นในครึ่งเวลาแรกถึงนาทีที่ 25 ฝอยทองก็ดูเป็นรองหนักเข้าไปอีกเมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เกิดมาได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวจน ซานโตส ต้องส่ง ริคาร์โด้ กวาเรสม่า ลงสนามไปแทน รูปเกมหลังจากนั้นก็เป็นไปตามคาดเป็นเจ้าภาพที่ดาหน้าบุกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว ฝอยทองได้แต่เพียงฉวยโอกาสครั้งคราวในการเล่นเกมโต้กลับ
แต่ทว่าความเฉียบคมของเจ้าภาพในเกมนี้มีไม่มากพอทำให้จบเกม 90 นาทีเสมอกันไป 0-0 ช่วงต่อเวลาพิเศษราวกับโชคชะตากำหนดให้ฝอยทองได้เป็นแชมป์หนนี้ เพราะแม้รูปเกมจะเป็นรองมาตลอด และจวนเจียนจะเสียประตูอยู่หลายครั้ง
แต่กลับเป็น เอแดร์ ที่ลงสนามมาแทน เรนาโต้ ซานเชซ ซัดประตูโทนดับเจ้าภาพ ในนาทีที่ 109 จากการทำแอสซิสของ เจา มูติญโญ่ และแม้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่หลังจากนั้นเจ้าภาพจะพยายามทำเกมบุก หาทางทวงประตูคืนแต่ก็ไม่เป็นผล โปรตุเกส จึงคว้าแชมป์ไปครองด้วยสกอร์ 1-0
ส่วนหลังเกมการแข่งขันก็เป็นทางด้านของ ดิดิเย่ร์ เดชอง นายใหญ่ทัพตราไก่ที่ออกมากล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ว่า เป็นลูกทีมของตนเองที่เล่นได้ไม่ดีพอเอง จนพลาดท่าพ่ายให้กับฝอยทองไปในที่สุด
เอแดร์ (Eder) AGIF / Shutterstock.com