เรียกว่าได้ประโยชน์สองต่อเลยงานนี้สำหรับกฎ กติกาใหม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวผู้เล่นในศึกเอฟเอ คัพ รายการฟุตบอลถ้วยใบเก่าแก่ของอังกฤษที่ล่าสุดได้รับการคอนเฟิร์มจากเอฟเอ หรือสมาคมลูกหนังอังกฤษแล้วว่าในการแข่งขันตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไปจะอนุญาตให้ทุกทีมสามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองคนที่สี่ลงสนามได้ในกรณีที่เกมเสมอกันและต้องต่อเวลาพิเศษออกไป จากเดิมที่กำหนดให้เปลี่ยนได้เพียงสามคน เพราะอย่างแรกเลยที่แต่ละทีมจะได้ประโยชน์โดยตรงคือปัญหาอาการเนื้อล้า และปัญหาบาดเจ็บของผู้เล่นที่อาจเกิดขึ้นในบางรายที่ใช้พละกำลังเกินขีดจำกัดของตนเองหลังเกมต้องยืดเยื้อออกไปเกิน 90 นาที
ซึ่งกุนซือก็จะสามารถพิจารณาถอดผู้เล่นที่ดูเหนื่อยล้าเกินออกได้ และอีกอย่างที่จะตามมาคือเรื่องของเสน่ห์ ความน่าสนใจของเกมการแข่งขัน เนื่องจากกุนซือของแต่ละทีมจะสามารถเลือกปรับแก้แท็คติกเพิ่มเติมได้จากการส่งผู้เล่นสำรองคนที่สี่ลงไปหลังแท็คติกในเกม 90 นาทีไม่สามารถหาผู้ชนะได้
ทั้งนี้รายงานจากสื่อดังในอังกฤษอย่างเดอะ มิร์เร่อร์อ้างอิงคำกล่าวของประธานบริหารสมาคมลูกหนังอังกฤษ มาร์ติน เกล็น ว่า “ในรายการฟุตถ้วยมีการเล่นแบบน็อกเอ้าท์ตั้งแต่รอบก่อนรองชนะเลิศ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎให้เปลี่ยนผู้เล่นสำรองคนที่สี่ได้เพื่อทำให้เกมน่าสนใจขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของแท็คติกนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมากทีเดียว บรรดาผู้จัดการทีมจะได้คิด และตัดสินใจว่าพวกเขาจะปรับเปลี่ยนเกมของทีมอย่างไรในช่วงต่อเวลาพิเศษ”
อย่างไรก็ตามนอกจากเพิ่มโควต้าสำรองคนที่สี่ช่วงต่อเวลาพิเศษแล้ว ในซีซั่นหน้ารายการแข่งขันฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพก็ยังจะมีการปรับกติกาเพิ่มเติมในส่วนของการตัดสินเกมอีก โดยจะนำเอาวีดีโอย้อนหลังของเกมมาช่วยในการตัดสินช็อตสำคัญๆเพื่อให้ผลการแข่งขันออกมายุติธรรมมากที่สุด (จะเริ่มใช้วีดีโอช่วยตัดสินตั้งแต่รอบสาม ซึ่งเป็นรอบแรกที่ทีมใหญ่จากลีกสูงสุดลงแข่งขัน เป็นต้นไป)
