หากย้อนกลับไปหลายปีก่อนการเปลี่ยนผู้จัดการทีมฟุตบอลของแต่ละสโมสรในยุโรป ยังคงไม่บ่อยเหมือนทุกวันนี้ อีกทั้งข่าวคราวการเปลี่ยนผู้จัดทีมสมัยนั้นก็เป็นคราวใหญ่โต แต่สำหรับทุกวันนี้ การได้เห็นข่าวการเปลี่ยนผู้จัดการทีมกลับรู้สึกเฉยๆ และชินไปซะแล้ว ตามประสาของเจ้าของทีมใจร้อน เงินหนา ที่เมื่อผลงาน ผลบอล ไม่เป็นดั่งใจตนก็ต้องรีบหาคนใหม่ที่คิดว่าเหมาะสมกว่ามาแทนที่ และเมื่อไม่เป็นไปอย่างที่หวังอีกก็ทำแบบเดิมๆเป็นวัฒจักรอย่างนี้อยู่ร่ำไป
ดังที่เกริ่นไปข้างต้นจึงไม่แปลกเลยถ้าเราจะเห็นบรรดากุนซือชื่อดัง มากประสบการณ์ โดนเด้งออกจากเก้าอี้อย่างง่ายดาย และไม่ไว้หน้าเลย จึงเป็นเหตุทำให้บรรดาผู้จัดการทีมของแต่ล่ะสโมสรพากันทำทีมด้วยความเกร็งๆ และร้อนๆหนาวๆอยู่ตลอดเวลา เพราะถึงแม้ว่าจะเคยพาทีมประสบความสำเร็จมากมายเพียงใด แต่ผลงานปัจจุบันไม่เข้าตา สโมสรก็พร้อมที่จะปลดออกได้ง่ายๆ แต่ทั้งนี้หากจะว่าสโมสรใจร้าย ก็คงจะไม่ถูกเท่าไหร่นัก เพราะแน่นอนว่าการทำทีมฟุตบอลก็ย่อมต้องการ ผลบอล ที่ดี และประสบความสำเร็จ และยิ่งการที่สโมสรที่มีเจ้าของรวยๆ ทุ่มเงินเยอะในการจ้างผู้จัดการทีมดีๆมาเพื่อหวังจะเห็นทีมประสบความสำเร็จ แต่ไม่เป็นอย่างหวัง ก็ย่อมผิดหวังและอารมณ์เสียเป็นธรรมดา การสั่งปลดผู้จัดการทีมทุกวันนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาซะยิ่งกว่าการย้ายทีมของนักเตะด้วยซ้ำไป อีกทั้งใช่ว่าผู้จัดการทีมที่โดนทีมใดทีมนึงปลดออกจากตำแหน่งจะตกงาน รอนเร่พเนจรซะที่ไหน เพราะก็ยังมีทีมอื่นๆให้ความสนใจและติดต่อไปร่วมงานด้วยเสมอ
ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า การที่ทำทีมอีกทีมหนึ่งไม่ดี ผลบอล ไม่ได้ดั่งใจหวัง ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้เป็นเพราะเพียงฝีมือไม่ถึงหรือไม่เก่งจริงเสมอไป หากแต่การเป็นการที่ทีมๆนั้น อาจจะไม่เหมาะสมกับผู้จัดการทีมนั้นๆต่างหาก ฉะนั้นแล้วสิ่งหนึ่งที่ทีมฟุตบอลต้องหาจนกว่าจะเจอก็คือ บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาคุมบังเหียนสโมสร ส่วนที่ผู้จัดการทีมแต่ล่ะคนต้องหาก็คือ สโมสรที่เหมาะสมกับตนเอง และถ้าหากหาเจอแล้วการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมบ่อยๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับสโมสรนั้นๆ ดังเช่น บาเซโลน่า ที่มีกุนซือที่เหมาะสมอย่างเป๊บ กวาร์ดิโอล่า หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีกุนชื่อที่คุมทีมมายาวนานอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน