เรียกว่าเป็นงานถนัดของ หงส์แดง ในยุคกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลยทีเดียวสำหรับการลงบู๊กับทีมใหญ่ด้วยกันเอง เมื่อล่าสุดยังคงรักษาสถิติสวยหรูในการเจอกับทีมกลุ่มท็อปซิกของตารางคะแนนด้วยการเปิดรังอัด ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ไปถึง 3-1 พร้อมกับขยับขึ้นรั้งอันดับสามในตารางคะแนนให้แฟนบอล เดอะค็อป ได้ชื่นใจเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้เกม ลิเวอร์พูล พบ อาร์เซน่อล ค่ำคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งลงคิกออฟเป็นคู่ดึกถือเป็นคู่บิ๊กแมทไฮไลท์ประจำสัปดาห์ เพราะผลการแข่งขันแมทนี้จะมีผลโดยตรงกับชะตาการลุ้นจบท็อปโฟร์ของทั้งสองทีมเนื่องจากเป็นทีมในกลุ่มหัวตารางคะแนนด้วยกันทั้งคู่
โดยการจัดตัวผู้เล่นในเกมนี้ทั้งเจ้าบ้านและทีมเยือนถือว่ามาในแบบที่ไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ยังขาดผู้เล่นบางรายที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ เจ้าบ้านของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่มีทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์กัปตันทีม และ เดยัน ลอฟเรน กองหลังตัวเก่งทำให้เลือกใช้บริการ โจเอล มาติป ยืนคู่กับ รักนาร์ คลาวาน ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง และมิดฟิลด์เลือกใช้ เอ็มเร่ ชาน ประสานงานร่วมกับ ไวจ์นัลดุม และ ลัลลาน่า ด้านทีมเยือนของ อาร์แซน เวนเกอร์ ขาด เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์ตัวเทพที่มีอาการป่วย ขณะที่ อเล็กซิส ซานเชซ มีชื่อออกสตาร์ทเป็นเพียงตัวสำรอง
อย่างไรก็ตามเมื่อเกมเริ่มคิกออฟขึ้นเกมนี้กลายเป็นเกมของเจ้าบ้าน หงส์แดง ทันที โดยได้ประตูออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 9 จาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จากนั้นก็เป็นฝ่ายครองเกม ทำเกมบุกเข้าใส่ได้ดีกว่าตลอดและมาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 ในช่วงท้ายครึ่งเวลาแรกจาก ซาดิโอ มาเน่ นาทีที่ 40 ก่อนที่ครึ่งเวลาหลัง เวนเกอร์ จะแก้เกมส์ด้วยการส่ง อเล็กซิส ซานเชซ ลงสนาม ซึ่งก็ได้ผลเมื่อเจ้าตัวทำแอสซิสให้ แดนนี่ เวลเบค ตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 2-1 แต่ก็ทำได้ดีที่สุดเท่านั้นและยังคงเป็นเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่ามาได้ประตูปิดท้าย 3-1 ในนาทีที่ 90 จาก จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ทำให้หลังจบเกม หงส์แดง ขยับแซงขึ้นรั้งอันดับสามเป็นการชั่วคราวด้วยการมี 52 แต้มเท่ากับ แมนฯซิตี้ ทีมอันดับสี่แต่ลงแข่งมากกว่า ซิตี้ อยู่สองนัดด้าน ปืนใหญ่ หล่นลงไปรั้งอันดับห้ามี 50 แต้ม
