เรียกว่าฟอร์มแรงต่อเนื่องเลยทีเดียว สำหรับ หงส์แดง ลิเวอร์พูล เมื่อล่าสุดเป็นฝ่ายบุกไปยัดเหยียดความปราชัยให้กับ สิงห์บลู เชลซี ถึงสแตมฟอร์ดบริดจ์ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์ที่ 5 คู่บิ๊กแมทฟลายด์เดย์ไนท์ หลังเกมสัปดาห์ก่อนเพิ่งจะเปิดรังแอนฟิลด์ไล่ถล่มแชมป์เก่า เลสเตอร์ ซิตี้ ไป
ทั้งนี้ ผลงานในสี่เกมแรกของ เชลซี ถือว่าดีกว่า ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ โดยพวกเขาเอาชนะได้ถึงสามเกม และเสมอหนึ่งเกมมี 10 คะแนน ส่วน ลิเวอร์พูล นั้นเอาชนะได้ 2 เกม เสมอ 1 และแพ้ 1 มี 7 คะแนน อย่างไรก็ตาม เมื่อเกมเริ่มต้นขึ้นกลับเป็นทีมเยือน หงส์แดง ที่ทำได้ดีกว่าตั้งแต่ต้น โดยได้ประตูนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 17 จาก เดยัน ลอฟเรน ต่อด้วยประตูทิ้งห่าง 2-0 จาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม ในนาทีที่ 36 และจบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งเวลาหลัง อันโตนิโอ คอนเต้ นายใหญ่ทีมเจ้าบ้านถือว่าแก้เกมส์มาได้ดี ทำให้ทีมมีเกมที่ดีกว่าในครึ่งแรก และมาได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 2-1 จาก ดีเอโก้ คอสต้า นาทีที่ 62 แต่ถึงอย่างนั้น เวลาที่เหลือหลังจากนั้นทั้งสองทีมต่างก็ทำอะไรกันเพิ่มเติมไม่ได้ ทำให้จบเกม หงส์แดง คว้าสามแต้มกลับออกไป ขยับขึ้นมามี 10 แต้มเท่ากับ สิงห์บลู แต่ผลต่างประตูได้เสียเป็นรองจึงขึ้นรั้งอันดับสี่ชั่วคราว ส่วน เชลซี รั้งที่สามต่อไปแบบชั่วคราวเช่นกัน
โดยหากทีมอย่าง แมนฯยูไนเต็ด , ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส รวมถึง อาร์เซน่อล ที่จะลงเล่นเกมที่ห้าในวันเสาร์และวันอาทิตย์ สามารถเก็บชัยชนะได้ก็แน่นอนว่าจะทำให้ทั้ง เชลซี และ ลิเวอร์พูล อันดับหล่นลงมา เนื่องจากเวลานี้ แมนฯยูไนเต็ด มี 9 แต้ม ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส มี 8 แต้ม และ อาร์เซน่อล มี 7 แต้ม ส่วนเรื่องของรูปเกม สถิติที่เกิดขึ้นในเกมที่สแตมฟอร์ดบริจด์ก็เป็น ลิเวอร์พูล ที่โดยรวมทำได้ดีกว่า สอดคล้องกับผลการแข่งขันที่ออกมา โดยสามารถสร้างสรรค์โอกาสจบสกอร์ได้ดีชัดเจนกว่า ยิงรวม 7 ครั้ง เข้ากรอบไปถึง 5 ครั้ง เจ้าบ้านยิงรวม 8 แต่เข้ากรอบไป 4 ครั้ง
