ต้องบอกว่าเป็นผลการแข่งขันที่พลิกล็อคทีเดียว สำหรับแมทชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ เลกแรก เมื่อเป็นทางด้านของเจ้าบ้าน อิเหนา อินโดนีเซีย ที่สามารถเป็นฝ่ายพลิกเกมเอาชนะ ช้างศึก ไทยแลนด์ ไปได้ 2-1 เพราะก่อนเกมการแข่งขันถูกมองว่าเป็นรองอยู่พอสมควรและเริ่มต้นเกมก็เป็น ช้างศึก ที่ทำได้ดีกว่าเป็นฝ่ายได้ประตูออกนำไปก่อนในครึ่งเวลาแรกจากลูกโหม่งสุดสวยของ เจ้ามุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา ในนาทีที่ 30 ทั้งนี้คู่ชิงฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพหนนี้ระหว่าง ช้างศึก ไทยแลนด์ กับ อิเหนา อินโดนีเซีย ถูกยกให้เป็นคู่ชิงที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดแล้ว เนื่องจาก อินโดนีเซีย นั้นเป็นทีมเดียวที่สามารถทำประตู ไทย ได้ในรอบที่ผ่านมา กระนั้นด้วยคุณภาพผู้เล่นและผลงานโดยรวมในรอบที่ผ่านมา (รอบแบ่งกลุ่ม และรอบรองชนะเลิศ) ช้างศึก ก็ยังคงถูกมองว่าเป็นทีมที่เหนือกว่าและน่าจะคว้าชัยชนะในรอบชิงชนะเลิศไปได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตามเกมนัดชิงชนะเลิศเลกแรก ซึ่งคิกออฟกันที่บ้านของ อินโดนีเซีย เป็นเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่า สามารถยิงคืนได้สองประตูรวดในครึ่งเวลาหลัง หลังเป็นฝ่ายเสียประตูไปก่อนในครึ่งเวลาแรก โดยเป็นประตูตีเสมอในนาที 64 จากลูกยิงไกลนอกกรอบเขตโทษของ ริซกี้ ซึ่งไปแฉลบ ทริสตอง โด ที่พยายามจะบล็อกลูกยิงทำให้บอลเปลี่ยนทางไปเสาไกล กวินทร์ หมดสิทธิ์เซฟ ประตูพลิกนำและกลายเป็นประตูชัย 2-1 จากจังหวะเตะมุม นาที 70 ฮานซามู ปรานาต้า โหม่งบอลย้อนไปเสาแรกเข้าประตูไป
ส่วนความเคลื่อนไหวหลังเกมการแข่งขัน เจ้ามุ้ย ธีรศิลป์ กัปตันทีมชาติไทยกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ผลการแข่งขันในเกมนี้ยังไม่ถือเป็นเรื่องที่เสียหายอะไรสำหรับ ช้างศึก เพราะเป็นการพ่ายแพ้ด้วยผลต่างเพียงสกอร์เดียว และเราสามารถทำประตูได้ด้วยทำให้ได้อเวย์โกลกลับไป การเล่นในเกมเลกที่สองในบ้านตัวเองหากสามารถเอาชนะได้เพียง 1-0 ก็จะทำให้คว้าแชมป์ได้ทันที”