ต้องบอกว่าหวิดแพ้คาบ้านสี่นัดติดไปแล้วเหมือนกันสำหรับทางด้านของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ของกุนซือจอมบู๊ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพราะในเกมลีกนัดล่าสุด ซึ่งเป็นบิ๊กแมทประจำสัปดาห์แข่งขันที่ 23 เป็นฝ่ายเปิดรังแอนฟิลด์เสมอกับทีมจ่าฝูง เชลซี ไปได้แบบหวุดหวิดชนิดที่เกือบจะแพ้ไปด้วยสกอร์ 2-1 อยู่แล้ว เนื่องจากในช่วงครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 77 ทาง โจเอล มาติป กองหลังตัวเก่งเจ้าบ้านไปทำฟาล์วใส่ ดีเอโก้ คอสต้า หัวหอกทีมเยือน จนผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษ ทว่า คอสต้า ที่รับหน้าที่สังหารเองยิงไปติดเซฟ ซิมง มิโญเล่ต์
ทั้งนี้เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กลับมาใช้บริการผู้เล่นชุดจริงแบบฟูลทีมหลังก่อนหน้านี้ในเกมฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพ โรเตชั่นใช้ผู้เล่นดาวรุ่งและพลิกล็อกพ่าย วูล์ฟแฮมป์ตัน ร่วงตกรอบไป โดยตำแหน่งผู้รักษาประตู ซิมง มิโญเล่ต์ กลับมายืนประจำการเหมือนเดิม แผงแบ็กโฟร์มี นาธาเนียล ไคลน์ , โจเอล มาติป , เดยัน ลอฟเรน และ เจมส์ มิลเนอร์ แดนกลางมี จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เอ็มเร่ ชาน สามประสานเกมรุกเป็น อดัม ลัลลาน่า , โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ ขณะที่ ซาดิโอ มาเน่ ที่กลับมาจากไปเล่นรายการแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพแล้วมีชื่อเป็นตัวสำรอง
ด้านทีมเยือน สิงห์บลูส์ ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ก็จัดทัพมาแบบฟูลทีมเช่นกัน ผู้รักษาประตูเป็น ติโบต์ กูร์ตัวส์ สามกองกลางมี ดาวิด ลุยซ์ , แกรี่ เคฮิลล์ และ เซซาร์ อัสปลิกวยต้า วิงแบ็กซ้าย ขวาเป็น มาร์กอส อลอนโซ่ และ วิคเตอร์ โมเซส แดนกลางและเกมรุกเป็น เอ็นโกโล่ ก็องเต้ , เนมานย่า มาติช , วิลเลี่ยน และ เอแด็น อาซาร์ หน้าเป้าเป็น ดีเอโก้ คอสต้า
สำหรับไฮไลท์สกอร์ที่เกิดขึ้น ทีมเยือนออกนำไปก่อน 1-0 จาก ดาวิด ลุยซ์ นาทีที่ 25 และจบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์นี้ ครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 58 จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม สวมบทฮีโร่ยิงประตูตีเสมอ 1-1 ให้เจ้าบ้าน ก่อนที่จะมามีจังหวะให้แฟนบอล เดอะค็อป ได้หวาดเสียวในนาทีที่ 77 เมื่อเจ้าบ้านเสียจุดโทษและเป็น ซิมง มิโญเล่ต์ ที่รับบทฮีโร่ไปอีกคนเซฟลูกยิงของ คอสต้า ช่วยทีมกู้หนึ่งแต้มไปได้ตามกล่าวข้างต้น