เรียกว่าผ่านฉลุยทั้งคู่สำหรับสองบิ๊กทีมจากลีกสูงสุดในรายการเอฟเอคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งมีโปรแกรมลงคิกออฟเมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมาอย่าง เรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ และ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล โดยรายการนั้นบุกไปเอาชนะคู่แข่งร่วมลีกสูงสุดอย่าง สิงห์แดง มิดเดิ้ลสโปรช์ ไปด้วยสกอร์สบายๆ 2-0 ส่วน ไอ้ปืนใหญ่ เปิดรังเอมิเรตสเตเดี้ยมกู้ศรัทธาแฟนบอลไล่ถล่มทีมต่างดิวิชั่น ลินคอล์น ไปถึง 5-0
สำหรับเกมที่ริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม ทีมเยือน เรือใบสีฟ้า ของกุนซือ โจเซป กวาร์ดิโอล่า จัดตัวแบบเน้นเต็มที่ ผู้รักษาประตูเป็น เคลาดิโอ บราโว่ แผงแบ็กโฟร์มี กาเอล กลิชี่ , โอตาเมนดี้ , จอห์น สโตนส์ และ พาโบล ซาบาเลต้า มิดฟิลด์ตัวกลางเป็น ยาย่า ตูเร่ เกมรุกจัดเต็มสี่รายประกอบด้วย เลรอย ซาเน่ , ดาบิด ซิลบา , เควิน เดอ บรอยน์ และ ราฮีม สเตอร์ลิง หน้าเป้าเป็น เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน ด้านเจ้าบ้านนำมาโดยผู้รักษาประตูอย่าง แบรด กูร์ซาน ตัวรุกอย่าง อดาม่า ตราโอเร่
สำหรับสองสกอร์ของทีมเยือนในเกมนี้ได้จาก ดาบิด ซิลบา ในนาทีที่ 3 และ เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน ในครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 67
ส่วนที่เอมิเรตสเตเดี้ยม เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล ของกุนซือ อาร์แซน เวนเกอร์ จัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงบู๊เช่นกันแม้จะเจอกับทีมต่างดิวิชั่น โดยเกมรุกมีทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ , โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ , อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด เชมเบอร์เลน และ ธีโอ วัลคอตต์
ห้าสกอร์ที่เกิดขึ้นของเจ้าบ้านได้จาก ธีโอ วัลคอตต์ นาทีที่ 45 ชิรูด์ นาทีที่ 53 การทำเข้าประตูตัวเองของ วอร์เตอร์ฟอร์ กองหลังทีมเยือน นาทีที่ 58 อเล็กซิส ซานเชซ นาทีที่ 82 และ อารอน แรมซี่ย์ ปิดท้ายในนาทีที่ 75 ส่วนรูปเกมที่เกิดขึ้นตลอด 90 นาทีก็ชัดเจนมากว่าเป็นเจ้าถิ่นที่ทำได้เหนือกว่าโดยครองบอลมากกว่าถึง 77%-23% และสร้างสรรค์โอกาสจบสกอร์ได้รวมถึง 23 ครั้ง ทีมเยือนทำได้เพียง 4 ครั้ง